วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อยู่เพื่อพัฒนากรรม ไม่ใช่อยู่เพื่อใช้กรรม

อยู่เพื่อพัฒนากรรม ไม่ใช่อยู่เพื่อใช้กรรม

ถาม : มีคำเก่าได้ยินมานานแล้วประโยค หนึ่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับกรรมเก่า คือที่พูด “คนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า” ถ้าเชื่ออย่างนี้จะถูกหรือผิดอย่างไร?

พระธรรมปิฎก : ความเชื่ออย่างนั้นไม่ใช่พุทธศาสนา และต้องระวังจะเป็นลัทธินิครนถ์ ที่พูดกันมาอย่างนั้น ความจริงก็คงประสงค์ดี คือมุ่งว่าถ้าเจอเรื่องร้ายก็อย่าไปซัดทอดคนอื่น และอย่าไปทำอะไรที่ชั่วร้ายให้เพิ่มมากขึ้นด้วยความโกรธแค้นเป็นต้น แต่ยังไม่ถูกหลักพระพุทธศาสนา และจะมีผลเสียมาก

ถาม : ที่ว่าเป็นลัทธินิครนถ์ เป็นอย่างไร?

พระธรรมปิฎก : ลัทธินิครนถ์ ซึ่งก็มีผู้นับถือในสมัยพุทธกาลจนกระทั่งในอินเดียทุกวัน เป็นลัทธิกรรมเก่าโดยตรง เขาสอนว่า คนเราจะได้สุขได้ทุกข์อย่างไรก็เป็นเพราะกรรมที่ทำไว้ในชาติปางก่อน และเขาสอนต่อไปว่า ไม่ให้ทำการใหม่ และทำกรรมเก่าให้หมดสิ้นไปด้วยการบำเพ็ญตบะ จึงจะสิ้นกรรมสิ้นทุกข์ นักบวชลัทธินี้จึงบำเพ็ญตบะทรมานร่างกายด้วยวิธีต่างๆ (ดูเทวทหสูตร,ม.อุ.๑๔/๑/๑)

คนที่พูดว่า เราอยู่ไปเพื่อใช้กรรมเก่านั้น ก็คล้ายกับพวกนิครนถ์นี่แหละ คิดว่าเมื่อไม่ทำกรรมใหม่ อยู่ไปๆ กรรมเก่าก็คงจะหมด ต่างแต่ว่าพวกนิครนถ์ไม่รอให้กรรมเก่าหมดไปเอง แต่เขาบำเพ็ญตบะเพื่อทำกรรมเก่าให้หมดไปด้วยความเพียรพยายามของเขาด้วย

ถาม : เมื่อไม่ทำกรรมใหม่ อยู่ไปกรรมเก่าก็น่าจะหมดไปเองไม่ใช่หรือ?

พระธรรมปิฎก : ไม่หมดหรอก จะชดใช้กรรมเก่าไปเท่าไร ก็ไม่มีทางหมดไปได้

ถาม : ทำไมล่ะ?

พระธรรมปิฎก : จะหมดไปได้อย่างไรล่ะ เหตุผลง่ายๆ คือ

๑. คนเรายังมีชีวิต ก็คือเป็นอยู่ ต้องกินอยู่ เคลื่อนไหวอิริยาบถ ทำโน่นทำนี่ เมื่อยังไม่ตายก็ไม่ได้อยู่นิ่งๆ

๒. คนเหล่านี้เป็นมนุษย์ปุถุชน ก็มีโลภ โกรธ หลง โดยเฉพาะความหลง หรือโมหะ นี้มีอยู่ประจำในใจตลอดเวลา เพราะยังไม่ได้รู้เข้าใจความจริงถึงสัจธรรม

เมื่อรวมทั้งสองข้อนี้ก็คือ คนที่อยู่เพื่อใช้กรรมนั้น เขาก็ทำกรรมใหม่อยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ไม่รู้ตัว แม้จะไม่เป็นบาป กรรมที่ร้ายแรง แต่ก็เป็นการกระทำที่ประกอบด้วยโมหะ เช่นกรรมในรูปต่างๆ ของความประมาท ปล่อยชีวิตเรื่อยเปื่อย

ถ้ามองลึกเข้าไปในใจ โลภะ โทสะ โมหะ ก็โผล่ขึ้นมาในใจของเขาอยู่เรื่อยๆ ในลักษณะต่างๆ เช่น เศร้า ขุ่นมัว กังวล อยากโน่นอยากนี่ หงุดหงิด เหงา เบื่อ หน่าย กังวล คับข้อง ฯลฯ อย่างนี้ไม่มีทางสิ้นกรรม ชดใช้ไปเท่าไรก็ไม่มีที่สิ้นสุด มีแต่เพิ่มกรรม

ถาม : แล้วทำอย่างไรจะหมด กรรม?

พระธรรมปิฎก : การที่จะหมดกรรม ก็คือ ไม่ทำกรรมชั่ว ทำกรรมดี และทำกรรมที่ดียิ่งขึ้น คือแม้แต่กรรมดีก็เปลี่ยนให้ดีขึ้น จากระดับหนึ่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง พูดเป็นภาษาพระว่า เปลี่ยนจากคำอกุศลกรรม เป็นทำกุศลกรรม และทำกุศลระดับสูงขึ้นไปจนถึงขั้นเป็นโลกุตตรกุศล ถ้าใช้ภาษาสมัยใหม่ก็พูดว่า พัฒนากรรมให้ดียิ่งขึ้น เราก็จะมีศีล มีจิตใจ มีปัญญา ดีขึ้นๆ ในที่สุดก็จะพ้นกรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น